2. ข้อเท็จจริง
2.1 ตาม ข้อ 1 ภ.2 ได้อ้างถึงระเบียบและหนังสือดังนี้

2.1.1 ระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดี เล่ม 2 ภาคผนวก ลักษณะที่ 13 บทที่ 4 ให้คำจำกัดความของคดีตกค้าง ไว้ดังนี้
- คดีที่เกิดขึ้นในรอบเดือนที่ผ่านมา ก่อนรอบเดือนที่รายงาน ซึ่งยังจับกุมผู้ต้องหาไม่ได้เลย
- คดีที่เกิดขึ้นในรอบเดือนที่ผ่านมา ก่อนรอบเดือนที่รายงาน ซึ่งจับกุม ผู้ต้องหาได้บางส่วนและมาจับผู้ต้องหาได้เพิ่มขึ้นในรอบเดือนที่รายงาน

2.1.2 หนังสือ สนผ. ด่วนที่สุด ที่ 0625.52/537 ลง 11 มี.ค.2541 ข้อ 2.2 ระบุไว้ว่า คดีค้างเก่าหมายถึงคดีที่เกิดขึ้นแล้ว ยังจับกุมตัวคนร้ายไม่ได้หรือจับกุมคนร้ายได้บางส่วน หรือยังจับกุมคนร้ายได้ไม่ครบตามจำนวนที่ร่วมกันกระทำผิด ซึ่งคดีประเภทนี้มี 2 ลักษณะคือ
- คดีที่รู้ตัวผู้กระทำผิด และได้ออกหมายจับไว้
- คดีที่ไม่รู้ตัวผู้กระทำผิด

2.2 ตาม 2.1.1 ภ.2 มีข้อสังเกตคือ คดีที่เกิดขึ้นในรอบเดือนที่ผ่านมาก่อนรอบเดือนที่รายงาน อาจตีความได้ 2 นัยคือ

2.2.1 ตีความว่า คดีที่เกิดขึ้นในรอบเดือนที่ผ่านมา ก่อนรอบเดือนที่รายงาน(ผ่านพ้นระยะเวลาไปแล้ว 1 เดือน) และยังจับกุมผู้ต้องหาไม่ได้หรือจับกุมได้บางส่วน ถือว่าเป็นคดีค้างเก่า เช่น เมื่อจะต้องรายงานสถิติคดีในเดือน ธ.ค. จะต้องนำเอาคดีที่เกิดขึ้นในเดือน พ.ย. มารายงาน ดังนั้นคดีที่เกิดขึ้นก่อนเดือนที่รายงาน (เดือน พ.ย.) คือเดือน ต.ค. ลงไป ถือเป็นคดี ค้างเก่า

2.2.2 ตีความว่า คดีที่เกิดขึ้นในเดือนก่อนเดือนที่ส่งรายงานถือเป็นคดีค้างเก่า เช่น เมื่อจะต้องรายงานคดีค้างเก่าในเดือน ธ.ค. คดีที่เกิดขึ้นในเดือน พ.ย.ลงไปถือว่าเป็นคดีค้างเก่า ซึ่งมีข้อสังเกตคือ หากคดีเกิดในวันสุดท้ายของเดือนและไม่สามารถจับกุมได้ภายในวันนั้น เมื่อขึ้นวันที่ 1 ของเดือนใหม่ และจะต้องมีการรายงานคดีค้างเก่าต่อผู้บังคับบัญชา คดีดังกล่าวก็จะกลายเป็นคดีค้างเก่า หรือคดีตกค้างแล้ว ทั้งๆที่คดีเพิ่งเกิดเพียงวันเดียว ทำให้หน่วยรายงานมีความเข้าใจไม่ตรงกัน เกี่ยวกับความหมายของคดีค้างเก่า และทำให้ข้อมูลผิดพลาดได้

2.3 ตามที่ ตร.มีการปรับโครงสร้างส่วนราชการ เมื่อ 17 ต.ค.2541 แต่ระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดีว่าด้วยการรายงานคดีต่างๆ ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้สอดคล้องกับโครงสร้างใหม่ และการรายงานสถิติคดีของหน่วยปฏิบัติระดับสถานีตำรวจไปยังหน่วยเหนือและส่วนกลาง ยังมีความคลาดเคลื่อน ตร.จึงมีคำสั่งที่ 263/1 /2542 ลง 20 เม.ย.2542 แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณา ปรับปรุง แก้ไข เพิ่มเติม ปรับเปลี่ยน ระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดีว่าด้วยการรายงานคดีและ รายงานอื่นๆ โดยมี รอง ผบ.ตร.(สป.3) ในขณะนั้น เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ผบก.ศขส. เป็นคณะทำงานและเลขานุการ (เอกสารหมายเลข 1)

2.4 เมื่อคณะทำงานได้พิจารณาปรับปรุง แก้ไข เพิ่มเติม ปรับเปลี่ยน ระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดีฯ ตามอำนาจหน้าที่แล้ว พล.ต.ท.สุวรรณ สุวรรณเวโช ผู้ช่วย ผบ.ตร.(บร.4) ในขณะนั้น ซึ่งต่อมาได้เป็นผู้รับผิดชอบคณะทำงานชุดนี้ มีหนังสือที่ 0001(บร.4)/251 ลง 31 ก.ค.2543 รายงานผลการดำเนินการ ของคณะทำงาน ไปยัง ตร. ซึ่งมีเรื่องที่สำคัญๆคือ การขออนุมัติให้ ปรับการรายงานสถิติคดีอาญาจาก 5 กลุ่ม เป็น 4 กลุ่ม และตามข้อ 2.5.3.2 ของหนังสือดังกล่าว มีการกำหนดคำจำกัดความของคดีค้างเก่าด้วยว่าหมายถึงคดีอาญาที่ทำการสืบสวนสอบสวนครบ 360 วัน นับแต่วันรับคำร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ และยังจับกุมตัวคนร้ายหรือผู้กระทำผิดไม่ได้ (เอกสารหมายเลข 2)

2.5 ต่อมา พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบ.ตร. ในขณะนั้นได้สั่งการให้ สนผ. ส่งผลการพิจารณาของคณะทำงานไปยังทุก บช.ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณามีความเห็นหรือข้อเสนอแนะ เพื่อให้คณะทำงานไปพิจารณาทบทวนเสนอ ตร.สั่งการ ซึ่ง พล.ต.ต.พงศ์พัศ พงษ์เจริญ ผบก.ศขส. เลขานุการคณะทำงาน ในขณะนั้น ได้จัดส่งผลการพิจารณาไปยังหน่วยปฏิบัติพิจารณามีความเห็นตามหนังสือ ศขส.ด่วนที่สุดที่ 0007.52/2618 ลง 31 ส.ค.2543 ซึ่งหน่วยปฏิบัติได้มีหนังสือตอบเห็นชอบ ให้มีการดำเนินการตามความเห็นของคณะทำงานต่อไป (เอกสารหมายเลข 3)

2.6 เนื่องจากความเห็นของคณะทำงานตามคำสั่ง ตร.ที่ 263/1 /2542 ลง 20 เม.ย.2542 ที่มี พล.ต.ท.สุวรรณ สุวรรณเวโช ผู้ช่วย ผบ.ตร.(บร.4) เป็นผู้รับผิดชอบเห็นควรมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการรายงานสถิติคดีอาญาจาก 5 กลุ่ม เป็น 4 กลุ่ม และยังไม่ได้ข้อยุติ ตร.จึงมีคำสั่งที่ 319/2544 ลง 1 พ.ค.2544 แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาปรับปรุงระบบการจัดเก็บรวบรวมสถิติคดีอาญา โดยมี พล.ต.ท.ปทีป ตันประเสริฐ ผบช.สนผ. ในขณะนั้นเป็นหัวหน้าคณะทำงาน, ผบก.ศขส. เป็นคณะทำงานและเลขานุการ พิจารณาเรื่องการปรับเปลี่ยนรายงานสถิติคดีอาญาจาก 5 กลุ่ม เป็น 4 กลุ่ม (เอกสารหมายเลข 4) ซึ่งคณะทำงานได้มีหนังสือที่ 0007.523/2976 ลง 26 ก.ค.2544 รายงานผลการดำเนินการไปยัง ตร.โดยให้ปรับปรุงการรายงานสถิติคดีอาญาจากเดิมที่รายงานเป็น 5 กลุ่ม ให้รายงานเป็น 4 กลุ่ม (ความผิดเกี่ยวกับบุคคล, ทรัพย์, พรบ.ที่มีโทษทางอาญา,ยาเสพติด) (เอกสารหมายเลข 5)

2.7 พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ รอง ผบ.ตร.(ปป.) ในขณะนั้น ได้มีหนังสือที่ 0001(ปป.)/575 ลง 25 ก.ย.2544 มายังคณะทำงานฯ เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการรายงานสถิติคดีอาญาจาก 5 กลุ่ม เป็น 4 กลุ่ม น่าจะช่วยลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลลง แต่เพื่อให้เกิดความรอบคอบในการเปลี่ยนแปลงระบบวิธีการจัดเก็บข้อมูล จึงให้คณะทำงานศึกษาเพิ่มเติม ซึ่ง ผบช.สนผ. หัวหน้าคณะทำงาน ได้สั่งการให้ ศขส.ร่วมกับ วจ. ทำการศึกษาเพิ่มเติมตามประเด็นที่ให้ไว้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป (เอกสารหมายเลข 6)

2.8 ดังนั้นคำจำกัดความของคำว่า “คดีค้างเก่า” ซึ่งเป็นผลการพิจารณาของคณะทำงานตามคำสั่ง ตร.ที่ 263/1 /2542 ลง 20 เม.ย.2542 จึงยังไม่ได้รับการอนุมัติในหลักการจาก ตร.ให้ใช้คำจำกัดความดังกล่าว จึงยังไม่มีการแจ้งให้หน่วยปฏิบัติทราบ และเกิดความสับสนขึ้นในหลายหน่วยงาน

3. ระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ประมวลระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดี ลักษณะ 18 บทที่ 1 แก้ไขโดยระเบียบกรมตำรวจว่าด้วย เหตุอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญ และเหตุที่ต้องรายงานด่วน (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2541 ลงวันที่ 1 ก.ค.2541 กล่าวถึงคดีค้างเก่าไว้ดังนี้

- ข้อ 9 ให้หัวหน้าสถานีตำรวจหรือสารวัตรหัวหน้าหน่วยงาน จัดทำรายงาน สรุปผลการดำเนินการติดตามจับกุมคนร้ายคดีค้างเก่าในเหตุอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญให้กรมตำรวจทราบ(ผ่านสำนักงานแผนงานและงบประมาณ) ทุก 4 เดือนตามงวดงบประมาณประจำปี ตามแบบที่ 4 ท้ายบทนี้)

4. ข้อพิจารณา
เพื่อให้หน่วยปฏิบัติ มีความเข้าใจตรงกันในความหมายของคดีค้างเก่า ซึ่งจะทำให้ได้สถิติคดีอาญาถูกต้องสมบูรณ์ สามารถนำมาใช้เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพของหน่วยปฏิบัติได้ จึงเห็นควรดำเนินการดังนี้

4.1 อนุมัติหลักการให้ใช้คำจำกัดความของ “คดีค้างเก่า” หมายถึง คดีอาญาที่ทำการสืบสวนสอบสวนครบ 360 วัน นับแต่ วันรับคำร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ และยังจับกุมตัวคนร้ายหรือผู้กระทำผิดไม่ได้ ซึ่งเป็นผลการพิจารณาของคณะทำงาน ตามคำสั่ง ตร.ที่ 263/1 /2542 ลง 20 เม.ย.2542 ตามข้อ 2.4

4.2 ให้สนผ.แจ้งหน่วยปฏิบัติที่เกี่ยวข้องเพื่อทราบและถือปฏิบัติตามคำจำกัดความ และระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 18 บทที่ 1 อย่างเคร่งครัดต่อไป

www.police.go.th